มิติหุ้น – TOP เพิ่มงบลง 5 ปีเป็น 5,000 ล้านดอลลาร์ฯ ลงทุนโครงการ CFP คาดค่าการกลั่นไตรมาส4/61 อยู่ในระดับ 5-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รับผลบวกไฮซีซั่นช่วยหนุน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP ผู้ประกอบการธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี โดยนายชัชชัย สิริวิชช์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยว่า สำหรับ แผนลงทุน 5 ปี (62-66) ของบริษัท ได้ปรับงบลงทุนรวมเป็น 5,160 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากที่จะต้องใช้เงินลงทุน 441 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากรองรับสำหรับการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ราว 4,719 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการลงทุนได้ในต้นปี 62 และระหว่างปี 62-63 คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนในโครงการ CFP ราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือจะทยอยลงทุนในปี 64-65 และจะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในปี 66 ซึ่งจะส่งผลให้ EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันเฉลี่ยที่ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนุนให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) 12% และกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับ 200,000 บาร์เรลต่อวัน
ในส่วนภาพรวมผลประกอบการปี 61 คาดว่ากำไรจะลดลงเมื่อเทียบกับปี 60 เนื่องจากระดับของค่ากลั่นรวม (ไม่รวมสต๊อกน้ำมัน) หรือ GIM คาดว่าจะเฉลี่ยในระดับ 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลต่ำกว่าปีก่อน ขณะไตรมาส4/61 คาดว่าค่าการกลั่น (GRM) จะอยู่ในระดับ 5-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลสูงกว่าไตรมาส3/61 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการใช้น้ำมัน และคาดว่าจะขาดทุนสต๊อกน้ำมันราว 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากราคาน้ำมันดิบดูไบปัจจุบันอยู่ที่ 68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับไตรมาส3/61 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
“ในปี 62 ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบไว้ที่ 70-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น ตามเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะขยายตัวในระดับ 4.2% และตามความต้องการของโลก โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการรองรับข้อกำหนดขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่การเดินเรือต้องเปลี่ยนจากน้ำมันเตามาเป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งจะหนุนค่าการกลั่นเฉลี่ยในระดับ 5-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซล-น้ำมันอากาศยานเทียบน้ำมันดิบดูไบ จะเฉลี่ยที่ 15-16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของบริษัทในปีหน้าได้เป็นอย่างดี” นายชัชชัยกล่าว