หุ้นไทยวันทำการแรกของเดือนสุดท้ายในปีนี้เปิดตัวบวกได้อย่างแรงและปิดทำการได้ในแดนบวก ได้ถึง 31.81 จุด หรือ +1.88% โดยดัชนีขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,672 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 60,000 ล้านบาท ทั้งนี้จากการเจรจาการค้าระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับจีนที่ผลออกมาคือทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้เวลา 90 วันในการเจรจาทำข้อตกลง โดยสหรัฐฯจะเลื่อนการบังคับใช้ภาษีนำเข้า 2 แสนล้านเหรียญฯ ในอัตรา 25% ต่อจีนออกไปก่อน ขณะที่จีนตกลงที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้ากลุ่มเกษตร , อุตสาหกรรมและน้ำมันจากสหรัฐฯในทันที ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างมาก นับเป็นปัจจัยต่างประเทศที่ทำให้ตลาดคลายความกังวลไปได้มาก
ขณะเดียวกันประเด็นเรื่องการเลือกตั้งของไทย เริ่มจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตลาดกำลังรอการประกาศการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการหลังวันที่ 12 ธ.ค. ธ.ค. อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เห็นชอบและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่อง การแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 350 เขตเลือกตั้ง เพื่อเตรียมพร้อมเดินหน้าการเลือกตั้งในต้นปีหน้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งด้วยปัจจัยบวกดังกล่าวอาจทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถขึ้นไปแตะที่ 1,700 จุดได้ในช่วงที่เดือน ธ.ค. นี้ แต่หลังจากนั้นก็ต้องมาดูปัจจัยต่างๆอีกครั้งว่าจะหนุนให้ตลาดไปต่อได้หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
อีกประเด็นที่สำคัญในสัปดาห์นี้คือการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือ OPEC ในวันที่ 6 ธ.ค. โดยคาดว่าจะมีการตัดสินใจลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพื่อชะลอการลดลงอย่างรุนแรงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่คาดว่าไม่น่าจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไปสูงนัก แต่มาตรการดังกล่าวอาจทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีเสถียรภาพขึ้น
ดังนั้นในสัปดาห์นี้กลยุทธ์การลงทุนที่ KTBSTแนะนำ คือ ทยอยสะสมหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาก่อนหน้าโดยเฉพาะกลุ่มส่งออก , ขนส่ง รวมถึงกลุ่มอิเล็กทรอนิค ซึ่งน่าจะได้ผลบวกหลังจากการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีนดีขึ้น ส่วนกลุ่มที่ต้องระมัดระวังคือ กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้อาจจะปรับขึ้นไปต่อได้ไม่มาก หากไม่มีปัจจัยบวกดันให้ตลาดขึ้นไปแรงๆอีก ดังนั้นนักลงทุนต้องระวังแรงเทขาย ขณะเดียวกันแรงบวกของตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นไปมากนั้น อาจมีแรงขายทำกำไรในช่วงสั้นเข้ามาให้เห็น แต่ก็ถือว่าเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวขาขึ้นตามทิศทางตลาด สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีก็สามารถหาจังหวะในการเข้าลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ได้เช่นกัน
นอกจากนี้หุ้นต่างประเทศที่ KTBST แนะนำคือ ตลาดเกิดใหม่ เช่น ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ , จีน , ไต้หวัน เนื่องจากระดับราคาที่ถูกและนักลงทุนต่างประเทศเริ่มให้คำแนะนำเข้าทยอยไปลงทุนได้ หลังจากแรงกดดันต่างๆในตลาดโลกเริ่มลดลง โดยรวมแล้วถือว่าเป็นการเริ่มการลงทุนในต้นสัปดาห์แรกของเดือนสุดท้ายในปีนี้ที่ค่อนข้างดี แต่นักลงทุนยังต้องติดตามข่าวสารต่างๆที่สำคัญอย่างต่อเนื่องนะครับเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนต่างๆ สนใจขอคำปรึกษาการลงทุนติดต่อ KTBST ได้ที่ 02 648 1777 ครับ ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้” https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php
โดยคุณชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)
www.mitihoon.com