ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม) สัญจร ที่จังหวัดหนองคาย โดยนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผยว่า ครม.ได้อนุมัติให้บริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP เป็นผู้ได้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตผลิตปิโตรเลียม แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย แปลง G2/61 (แหล่งบงกช) และบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่ยื่นประมูลร่วมกับบริษัท MP G2 (Thailand) บริษัทย่อยของมูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) เป็นผู้ได้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตผลิตปิโตรเลียม แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย แปลง G1/61(แหล่งเอราวัณ)
โดย PTTEP เสนอเงื่อนไขและผลตอบแทนที่ดีกว่าคู่แข่งให้กับรัฐ โดย PTTEP เสนอค่าคงที่ราคาก๊าซธรรมชาติแปลงเอราวัณที่ราคา 116 บาทต่อล้านบีทียู เสนอส่วนแบ่งกำไรให้รัฐ 68% PTTEP 32% แหล่งบงกชที่ 116 บาทต่อล้านบีทียู เสนอส่วนแบ่งกำไรให้รัฐ 70% ของPTTEP 30% เสนอต่ำกว่าราคาขายในปัจจุบันในแหล่งบงกชที่ PTTEP ขายอยู่ 214 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้การซื้อแก๊สจากแหล่งอ่าวไทยตั้งแต่ปี 2565 รัฐซื้อราคาถูกลง และยังเป็นอานิสงส์ต่อผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมภาคขนส่ง และผู้บริโภคชาวไทยทั่วไป
สำหรับแปลงบงกชแล้วเทียบเท่าส่วนลดค่าใช้จ่ายราคาก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศเท่ากับ 550,000 ล้านบาทในระยะเวลา 10 ปีตามเงื่อนไขการผลิตขั้นต่ำหรือปีละ 55,000 ล้านบาท และหากนำส่วนลดราคาก๊าซธรรมชาติที่ได้จากทั้ง 2 แปลงมาใช้ลดค่าใช้จ่ายผลิตไฟฟ้าทั้งหมด จะสามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 29 สตางค์ต่อหน่วยไปอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 10 ปีสามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐ 100,000 ล้านบาทต่อเนื่อง 10 ปี
ทั้งนี้ในขั้นตอนต่อไปทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติต้องเจรจาราคากับ PTTEP แล้วลงนามในสัญญาต่อไปภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
www.mitihoon.com