มิติหุ้น-บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า ทิศทางกำไร 4Q18 ของ SEAFCO มีโอกาสทำได้ดีกว่าคาด อยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับ 3Q18 แม้มีวันหยุดมาก แต่เดินเครื่องก่อสร้างเต็มที่ทั้งรถไฟฟ้าสีส้ม, สีชมพู และ One Bangkok เฟส 1 และ 2 รวมถึงเริ่มรับรู้ One Bangkok เฟส 4 เข้ามา ปัจจุบันมี Backlog อยู่กว่า 2.9 พันล้านบาท คาดทยอยรับรู้ถึงกลางปี 2019 พร้อมคาดหวังได้รับงานเข้ามาเติมราว 20% จากงานที่อยู่ระหว่างการประมูล 2.3 หมื่นล้านบาท เราปรับประมาณการกำไรปี 2018-2019 ขึ้นเฉลี่ย 7.5% เป็น 345 ล้านบาท (+63% Y-Y) และ 356 ล้านบาท (+3% Y-Y) ตามลำดับ ทำให้ราคาเหมาะสมปี 2019 ปรับขึ้นเป็น 11.60 บาท และคงคำแนะนำซื้อ จากโมเมนตัมกำไรรายไตรมาสที่โตโดดเด่น Y-Y ต่อเนื่องจนถึงกลางปี 2019 และยังได้รับอานิสงค์จากการเร่งผลักดันงานประมูลรอบใหญ่ในฐานะธุรกิจต้นน้ำ
งานในมืออยู่ในระดับสูง …หนุนผลประกอบการไปถึงกลางปีหน้า
บริษัทมี Backlog ณ สิน 3Q18 อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท มากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตถึง 2 เท่าตัว คาดว่าทยอยรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q18 ราว 800 ล้านบาท ซึ่ง Secured 100% ของประมาณการรายได้ของเราแล้ว ขณะที่ส่วนที่เหลืออีก 2 พันล้านบาท คาดรับรู้ถึงกลางปี 2019 ซึ่ง Secured 71% ของรายได้ปี 2019 ส่วนใหญ่เป็นงานรถไฟฟ้าสีส้ม, สีชมพู และ One Bangkok (เฟส 1,2 และ 4) แบ่งเป็นงานรับเฉพาะค่าแรง และค่าแรงรวมวัสดุที่ 55% และ 45% ตามลำดับ ทำให้คาดว่ามาร์จิ้นจะอยู่ในระดับที่ดีราว 21-22% สำหรับแนวโน้มกำไร 4Q18 มีโอกาสทำได้มากกว่าที่เราคาดไว้ หนุนจากการรับรู้รายได้ที่มากกว่าคาด แม้มีวันหยุดมาก แต่ชดเชยด้วยความคืบหน้าของงานก่อสร้างที่อยู่ระหว่างทำที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเริ่มรับรู้ One Bangkok เฟส 4 เข้ามา เบื้องต้นคาดกำไรทำได้ทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 95-105 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 3Q18 และโตแกร่งราว 50% Y-Y
ปรับประมาณการกำไรปี 2018-2019 ขึ้นเฉลี่ย 7.5% ต่อปี
เราปรับประมาณการกำไรปี 2018-2019 ขึ้น 8.5% และ 6% เป็น 345 ล้านบาท (+63% Y-Y) และ 356 ล้านบาท (+3% Y-Y) ตามลำดับ จากการปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้งานก่อสร้าง 8% ต่อปี หนุนจากการรับรู้งานในมือต่อเนื่อง ซึ่งแม้ปัจจุบัน Utilization ของคนงานจะเต็ม 100% แล้ว แต่หลายโครงการทยอยส่งมอบในเดือนธ.ค. 2018-ม.ค. 2019 อาทิ One Bangkok เฟส 1 และ 2 ทำให้บริษัทมีความสามารถในการเข้ารับงานเพิ่มได้ โดยมีงานที่อยู่ระหว่างประมูลราว 2.3 หมื่นล้านบาท อาทิ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมถึงงานจากต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างรอผลประมูลในพม่า มูลค่าราว 200 ล้านบาท ซึ่งหากอิงอัตราความสำเร็จ 20% ของการเข้าประมูล จะทำให้บริษัทได้รับงานเข้ามาเติมอย่างน้อย 4.7 พันล้านบาท
ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 2019 เป็น 11.60 บาท และคงคำแนะนำซื้อ
เราปรับราคาเหมาะสมปี 2019 ขึ้นจาก 11.00 บาท เป็น 11.60 บาท (อิง PER 22 เท่า) และคงคำแนะนำซื้อ จากโมเมนตัมกำไร 4Q18 ที่ดีต่อเนื่อง โดยงานในมือที่อยู่ในระดับสูงจะหนุนให้แนวโน้มกำไรรายไตรมาสโตโดดเด่น Y-Y จนถึงกลางปี 2019 นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงค์จากการเร่งผลักดันงานประมูลรอบใหม่ที่มากขึ้นในปี 2019ในฐานะธุรกิจต้นน้ำ ซึ่งเป็นด่านแรกของการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทั้งของภาครัฐ และเอกชน ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายบน PE2019 ที่ 17.8 เท่า ต่ำกว่า PE2015 ที่ 20.5 เท่า ซึ่งมี Backlog เพียง 1 พันล้านบาท หรือน้อยกว่าปัจจุบันเกือบ 3 เท่า ทำให้เรามองว่าราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อน Backlog ที่แข็งแกร่ง และกำไรรายปีที่ทำจุดสูงสุดใหม่
ความเสี่ยง – โครงการประมูลใหม่ที่ออกมาน้อยกว่าคาด, ความล่าช้าในการประมูลงาน และก่อสร้าง, ค่าแรงและราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น, ปัญหาทางการเมือง, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
www.mitihoon.com