เปิดวันทำการของในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม ตลาดหุ้นไทยยังสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยลบและความกังวลของนักลงทุนอยู่นะครับ โดยSET Index เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 ธ.ค.) ปรับตัวลง -7.97 จุด ดัชนีปิดที่ 1,604.48 จุด ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็ยังเคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯที่มีแรงเขขายออก หลังนักลงทุนปรับลดการถือสินทรัพย์เสี่ยงในพอร์ตมาถือสินทรัพย์ปลอดมากขึ้น เนื่องจากตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2019 จะชะลอตัวลง รวมทั้งมาจากการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนเรื่องเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน และรอฟังการแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯในกลางสัปดาห์นี้
ทั้งนี้นักลงทุนได้มีการปรับลดพอร์ตลงทุนในช่วงระยะนี้ เพราะมองกันว่า GDP ของเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยที่ออกมาต่ำ ส่วนหนึ่งมาจากผลของสงครามการค้าและภาคส่งออก ล่าสุดสัปดาห์ในที่ผ่านมาก่อน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลด GDP ในปีหน้าของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียลงจาก 5.9% เหลือ 5.8% ขณะที่ประเทศไทยถูกปรับลด GDP ในปีหน้าลงเหลือ 4.1% จาก 4.3% เช่นเดียวกับธนาคารกลางของยุโรป (ECB)ก็มีการปรับลด GDP ของยูโรโซนลงด้วยเช่นกันจาก 1.8% เหลือ 1.7% ในปีหน้า ถือเป็นภาพรวมในเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแรงซื้อที่ชะลอลง
ดังนั้นแล้วด้วยปัจจัยลบดังกล่าว KTBST คาดว่าในสัปดาห์นี้ แนวโน้มของตลาดยังเป็นทิศทางในขาลง ซึ่งเราได้เห็นดัชนีปรับตัวลงหลุดระดับ 1,600 จุดแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถือเป็นสถานการณ์ทางในลบ แม้ประเด็นเรื่องสงครามการค้าจะคลี่คลายลงไปบ้างแต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะยังคงอยู่ต่อไปอย่างน้อยอีกสองไตรมาส ขณะเดียวกันนักลงทุนกำลังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันพุธที่ 19 ธ.ค.นี้ ว่านโยบายดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2019 จะเป็นอย่างไร รวมทั้งของประเทศไทยเอง ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมในวันพุธนี้เช่นเดียวกันและมีโอกาสสูงที่ กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้อีกประเด็นที่มีผลต่อตลาดในช่วงคือ ทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับลงจากปริมาณน้ำมันที่ล้นตลาด และถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง สำหรับปัจจัยในประเทศไทยตอนนี้ นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางการเมืองของไทยว่าพรรคการเมืองใดจะชนะการเลือกตั้งและใครจะได้เป็นนายก เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ปรับตัวลดลงเมื่อกับกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปินส์
สำหรับปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศดังกล่าวนี้ จะกดดันการลงทุนในอีกระยะหนึ่งและอาจมีส่วนทำให้ตลาดหุ้นไทยในสิ้นปีนี้อาจวิ่งไปไม่ถึงระดับ 1,700 จุด ตามที่คาดการณ์ไว้ และมีโอกาสที่ดัชนีจะหลุดระดับ 1,600 จุด หากปัจจัยกดดันต่างๆ ยังไม่คลี่คลาย ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนที่ KTBST แนะนำคือ ชะลอการลทุนเพื่อรอดูทิศทางตลาดหรือ wait & see ต่อไป พร้อมกับถือเงินสดให้เพิ่มขึ้น เน้นลงทุนในกรอบสั้นๆและเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกสนับสนุนและมีระดับราคาที่ไม่สูง อย่างไรก็ตามนักลทุนต้องติดตามข่าวสารการลงทุนอย่างใกล้ชิดนะครับ ….
ชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)
สนใจขอคำปรึกษาการลงทุนติดต่อ KTBST ได้ที่ 02 648 1777 ครับ
ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้” https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php
www.mitihoon.com