กรุงศรีมองเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดจับตาทิศทางเศรษฐกิจโลก 

145

มิติหุ้น-กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)โดยนางสาวรุ่ง สงวนเรือง ระบุว่า มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์แรกของปี 2562 ว่า มีแนวโน้มซื้อขายในกรอบ 32.25-32.60 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.60 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 2.0 พันล้านบาท และขายพันธบัตร 8.4 พันล้านบาท โดยในปี 2561 ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงถึง 2.9 แสนล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 2.8 แสนล้านบาท ส่วนเงินบาทอ่อนค่าเพียง 0.1%  ขณะที่สกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคอ่อนค่าลงราว 2-8% ในสัปดาห์ที่แล้ว เงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลสำคัญส่วนใหญ่ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องท่ามกลางการปรับสถานะการลงทุนของผู้เล่นในช่วงท้ายปี และความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าตลาดจะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ การจ้างงาน และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง นักลงทุนจะให้ความสนใจกับกระแสข่าวความคืบหน้าเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) การลงคะแนนในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเกี่ยวกับร่างกฎหมายจัดสรรเงินทุนเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. 2561 รวมถึงการผลักดันแนวทาง Brexit ภายในสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ การซื้อขายมีแนวโน้มเป็นไปอย่างระมัดระวังขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ส่วนสัญญาตลาดดอกเบี้ยล่วงหน้าสะท้อนว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปี 2562 ขัดแย้งกับการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟดในเดือนธันวาคมว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ โดยเราประเมินว่าแรงหนุนที่ค่าเงินดอลลาร์ได้รับจากการที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งตลอดปี 2561 กำลังแผ่วลงท่ามกลางแนวโน้มที่ว่าเฟดอาจยุติการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด รวมทั้งความขัดแย้งทางการเมืองภายในสหรัฐฯ และผลบวกจากการใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะลดน้อยลง

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคม ซึ่งคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลงค่อนข้างแรง โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ขณะที่ภาคส่งออกเผชิญความท้าทายมากขึ้นตามภาวะการค้าโลก อุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เราคาดว่ามีโอกาสที่ทางการอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงท้ายของไตรมาส 1/2562 เป็น 2.00% จาก 1.75% ก่อนจะตรึงดอกเบี้ยไว้จนถึงสิ้นปี

www.mitihoon.com