ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB จากกรณีที่มีการทุจริตของพนักงานสาขาปายนั้น ธนาคารได้มีการตรวจสอบ และขยายผลเพิ่มเติม โดยนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB เปิดเผยว่า หลังจากที่มีลูกค้าร้องเรียนเกี่ยวกฃเงินในบัญชีหาย ธนาคารได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบตั้งแต่เดือนมิ.ย.2561 และได้ต่อยอดขยายผลจากหลักฐานพบว่ามีพนักงานทุจริตกับลูกค้าจำนวน 10 ราย รวมทั้งสิ้น 11 บัญชี 30 รายการ ยอดเงินประมาณ 5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารได้ทยอยปรับรายการสำหรับยอดเงินต้นและดอกเบี้ยในบัญชีของลูกค้า ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2561 ครบถ้วนทุกบัญชีเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2562 ที่ผ่านมา และได้ดำเนินการไล่พนักงานรายดังกล่าวออกและร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น ปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์อันเป็นของนายจ้างว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ และเพื่อยกระดับการควบคุมภายในของธนาคาร ในเบื้องต้นธนาคารได้ย้ายผู้จัดการสาขาและผู้จัดการสำนักงานเขตออกจากพื้นที่ ไปประจำสำนักงานภาคแล้ว
อย่างไรก็ตาม ธนาคารยืนยันว่ามีระบบการตรวจสอบภายในที่ดี โดยที่ผ่านมาสามารถตรวจพบความผิดปกติ แต่ยอมรับว่ามีกระบวนการตรวจสอบ Post Audit ที่ยังเป็น Manual อยู่บ้าง ทำให้ยังไม่ตอบโจทย์และทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้พัฒนาระบบการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และได้ยกระดับความปลอดภัยและการให้บริการ โดยนำเทคโนโลยีที่สามารถรับมือกับอาชญากรรมยุคใหม่ และได้ทยอยติดตั้งเครื่องตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมข้อมูลกับทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้ในการทำรายการต่างๆที่เคาน์เตอร์สาขา โดยในสัปดาห์หน้าจะติดตั้งครบทุกสาขาในต่างจังหวัดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังเตรียมนำเทคโนโลยีระบบการสแกนใบหน้ามาใช้เพิ่มเสริมจากการใช้กล้อง CCTV เดิม เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น รวมทั้งลดปัญหาการทุจริตในรูปแบบต่างๆ โดยธนาคารต้องการให้ทุกสาขา สามารถให้บริการลูกค้าและประชาชนด้วยมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
