TSTH ตั้งเป้าขายหุ้นให้ HBIS กลุ่มทุนจีนเสร็จ เม.ย.นี้ ลุยขยายลงทุน คาดความต้องการใช้เหล็กโต 5-6% ต่อปี เร่งปั้มยอดขาย ลุยส่งออก

455

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) หรือ TSTH ผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์และจำหน่าย โดยนายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า มั่นใจว่าจะกลับมามีกำไรได้ในช่วงไตรมาส 4/62 (ม.ค.-มี.ค.62) หลังช่วง 9 เดือนแรกของปีขาดทุนสุทธิราว 71 ล้านบาท โดยจะเร่งยอดขายในช่วงไตรมาส 4/62 ให้ได้ในระดับ 5 หมื่นล้านตัน จาก 9 เดือนแรกมียอดขาย 8.49 แสนตัน โดยจะพยายามส่งออกมากขึ้นทั้งในกัมพูชา สปป.ลาว อินโดนีเซีย อินเดีย และมาเลเซีย คาดสิ้นปีจะมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มเป็น 11-12% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7-10%

นอกจากนี้ ไตรมาส 4/62 จะไม่มีรายจ่ายรายการพิเศษที่เกิดจากต้นทุนที่สูงขึ้นและค่าซ่อมบำรุง รวมถึงจะได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลให้มีโอกาสขายสิ้นค้าเหล็กให้กับโปรเจ็กต์ต่างๆ ได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ปัจจุบันต้นทุนราคาเศษเหล็กลดต่ำลงเฉลี่ยอยู่ที่ 9.50-9.80 บาทต่อกิโลกรัม จากไตรมาส 3/62 อยู่ 10-11 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาเหล็กแปรรูปปัจจุบันอยู่ที่ 17.50 บาท

ส่วนการขายหุ้นให้กับกลุ่มบริษัท Handan Iron and Steel หรือ HBIS จากจีน พร้อมเตรียมร่วมลงทุนในบริษัทใหม่นั้น จะเป็นสัดส่วนการถือหุ้นของ HBIS  70% และอีก 30% เป็นสัดส่วนของ Tata Steel Global Holding หรือ TSGH จากอินเดีย คาดว่าจะดำเนินการซื้อขายหุ้นแล้วจัดตั้งบริษัทใหม่แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้   โดยขายหุ้นให้กับHBIS ในราคา 0.79 บาทต่อหุ้น สูงกว่าราคาในกระดานซื้อขายอยู่ที่ 0.76 บาทต่อหุ้น โดยการซื้อหุ้นของ HBIS ในครั้งนี้ต้องการที่จะขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันความต้องการใช้อยู่ในระดับ 80 ล้านตันต่อปี และคาดว่าความต้องการใช้จะเติบโตปีละ 5-6%

ทั้งนี้ ในการขายหุ้นครั้งนี้ของTSGH เนื่องจากมีแผนใช้เงินลงทุนราว 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับขยายการลงทุนในอินเดีย ทั้งการซื้อกิจการและลงทุนใหม่ เนื่องจากมองว่าตลาดในอินเดียมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยปัจจุบันมีความต้องการใช้เหล็กราว 100 ล้านตันต่อปี แต่อีก 12-15 ปีคาดว่าจะมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านตันต่อปีเติบโตตาม GDP ของอินเดียและการขยายการลงทุนโครงสร้างฟื้นฐาน

www.mitihoon.com