BCPG ปี 61 กำไรนิวไฮ 2.2 พันลบ. โต 25% ตั้งเป้าขยายกำลังผลิตครบ 1,000 เมกะวัตต์ ในปี 65

235

มิติหุ้น – BCPG ปี 61 กำไรนิวไฮ 2.2 พันลบ. โต 25% บันทึกกำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น รับรู้กำไรเต็มปีจากโรงไฟฟ้าในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป้าขยายกำลังผลิตครบ 1,000 เมกะวัตต์ ในปี 65

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บีซีพีจี หรือ BCPG  ประกาศผลการดำเนินงานปี 61 มีกำไรสุทธิ 2,219  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับปี 60  โดยนายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า บริษัทฯ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการจำหน่ายสินทรัพย์โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 2 โครงการ ให้แก่กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) รวมทั้งรับรู้รายได้เต็มปีจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในไทย กำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ และในญี่ปุ่น กำลังการผลิต 4 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรโครงการพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นเป็น 73 ล้านบาทเต็มปี และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าความร้อนใต้พิภพที่ประเทศอินโดนีเซียเต็มปี

ส่วนปี 62 บริษัทฯ จะยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  โดยปีนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับการขยายกิจการใหม่และโครงการที่มีอยู่เดิมรวมประมาณ 8,600 ล้านบาท ขณะที่แผนการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นนั้น   บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจพลังงานสะอาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 521 เมกะวัตต์ ในจำนวนนี้ COD แล้ว 387 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนา 134 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น พลังงานลมที่ภาคใต้ 10 เมกะวัตต์ COD ปี 62 , โซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 100 เมกะวัตต์ ทยอย COD ปี 62 และพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซีย 24 เมกะวัตต์ ทยอย COD ปี 63-64

ส่วนปี 62 เตรียม COD โครงการพลังงานลมลิกอร์ที่ จ.นครศรีธรรมราช กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 2/62 และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่หลังคากำลังการผลิตรวม  12 เมกะวัตต์ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปลายปี 2562

ขณะที่แผนลงทุน 4 ปี (62-65) ตั้งเป็นขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้ 1,000 เมกะวัตต์  และตั้งเป้า EBITDA เติบโตปีละ 15-20% และเติบโตเป็น 1.5 เท่าภายใน 5 ปี