นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พริมา มารีน หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่ เผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,479.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 746.4 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,501.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 759.1 ล้านบาท หลังจากอุตสาหกรรมขนส่งปิโตรเลียมทางทะเลระหว่างประเทศส่งผลกระทบต่อเรือขนส่งขนาดใหญ่ระหว่างประเทศและกลุ่มธุรกิจ FSU หรือเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เน้นการบริหารจัดการกองเรือของ PRM ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนสัญญาขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ และการขายเรือ FSU จำนวน 2 ลำ ที่มีอายุการใช้งานมานานเพื่อลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้เรือ FSU ที่มีอยู่ 5 ลำ สามารถเพิ่มอัตราการใช้งานเรือเฉลี่ยมากกว่า 90% นอกจากนี้ PRM ยังปรับแผนมุ่งขยายกองเรือในประเทศที่ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีด้วยการเข้าไปซื้อกิจการ ‘บิ๊ก ซี’ หนึ่งในผู้ให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมรายใหญ่ของไทย โดยเข้าถือหุ้น 70% ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการและได้ฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติม ช่วยสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งขนาดเล็กของ PRM มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2562 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานปี 2561 ในอัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิ์รับเงินปันผล (RD) ในวันที่ 29 เม.ย.2562 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 เม.ย.2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 15 พ.ค.2562
สำหรับปี 62 บริษัทฯ ตั้งเป้าผลการดำเนินงานเติบโต 10-15% จากแผนงานที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งของพอร์ตกองเรือในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจการให้บริการ หลังจากทิศทางอุตสาหกรรมขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศในปี 2562 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดี ทำให้ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจ FSU ที่มีความต้องการใช้เรือเพิ่มขึ้นจากปัจจัยที่ต้องการใช้กักเก็บน้ำมันเตากำมะถันสูงเพื่อผสมกับน้ำมันเตากำมะถันต่ำ ให้ได้น้ำมันเตาที่มีค่ากำมะถันต่ำตามมาตรฐาน IMO
ดังนั้น เป็นโอกาสที่ PRM จะพิจารณาลงทุนเรือ FSU เพิ่มขึ้นอีก 1 ลำ นอกจากนี้บริษัทฯ จะทยอยรับเรือใหม่ในกลุ่มเรือขนส่งภายในประเทศขนาด 3,000 DWT จำนวน 6 ลำ แบ่งเป็นเรือที่กลุ่มบริษัทฯ ลงทุนเอง จำนวน 5 ลำ และ บิ๊ก ซี 1 ลำ ตามแผนที่วางไว้ ส่งผลให้สิ้นปี 2562 PRM จะมีขนาดกองเรือรวมทั้งสิ้นจำนวนมากกว่า 40 ลำ จากเดิมที่มีอยู่ 36 ลำ ช่วยสร้างความเข้มแข็งของพอร์ตกองเรือในการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น