มิติหุ้น – EGCO ปี62 อัดงบลงทุน 3 หมื่นล. ลุยลงทุน 3 โครงการ พร้อมประมูล IPP ทุกภาค รุกลงทุนในเอเชีย-แปซิฟิก ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่ม ขณะที่ปี61 ประกาศกำไร 21,073 ลบ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ผลิตไฟฟ้า หรือ EGCO ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ารายใหญ่ของไทย โดยนายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า ในปี 2562 บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 30,000 ล้านบาท สำหรับ 3 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และการซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพาจู ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562
โดยโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ รวมกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 544 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้า “ไซยะบุรี” 160 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว โรงไฟฟ้า “ซานบัวนาเวนทูรา” 223 เมกะวัตต์ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งทั้งสองโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2562 และโรงไฟฟ้า “น้ำเทิน 1” 161 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และ COD ในปี 2565
นอกจากนี้ปี 2562 EGCO ยังคงแสวงหาโอกาสการลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดนในต่างประเทศอยู่ระหว่างศึกษาขยายลงทุนใน สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ รวมถึงมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เช่น ธุรกิจแอลเอ็นจี โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บริษัท เอสเค อีแอนด์เอส จำกัด
สำหรับการลงทุนในประเทศไทย EGCO ก็มีความพร้อมสำหรับการลงทุนตามนโยบายของภาครัฐและแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ฉบับใหม่ (PDP 2018) โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ IPP บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าแข่งขันประมูลในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นภาคตะวันตก ภาคใต้ หรือภาคตะวันออก
ปัจจุบัน EGCO มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่ COD แล้ว จำนวน 27 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 5,154 เมกะวัตต์ ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 544 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลากหลายประเภท ทั้งก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อนใต้พิภพ
ขณะที่ผลประกอบการปี 61 มีกำไรสุทธิ 21,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% เทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ เท่ากับบริษัทฯ จ่ายเงินปันผลตลอดปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 9.50 บาท
www.mitihoon.com