เก็บหุ้นจีน-ญี่ปุ่น-ทองคำ หลบหุ้นไทยขาลง

120

               เริ่มต้นเดือนมีนาคม ตลาดหุ้นไทยเจอแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้ SET Index แกว่งตัวทางในทิศทางขาลง ด้วยหลายประเด็นจากทั้งในและต่างประเทศที่มีทั้งบวกและลบ โดย SET วันจันทร์ที่ (4 มี.ค.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,635.30 จุด -6.14 จุด หรือ -0.37%  เป็นการขายจากนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก

KTBST มองว่าในสัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามคือ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 7 มี.ค. ที่จะมีการประกาศตัวเลขประมาณการณ์ GDP ในปี 2019 และปี 2020 ขณะเดียวกันจะมีการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 4 ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ 1.2% YoY ชะลอตัวลงเล็กน้อยและอาจจะมีผลต่อตลาดหุ้นยุโรปและค่าเงินยูโรบ้าง

ด้านสหรัฐฯ ในวันที่ 8 มี.ค. จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญคือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของเดือน ก.พ. คาดว่าตัวเลขอาจชะลอลงอยู่ที่ 170,000 ตำแหน่ง อาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงได้เช่นกัน แต่โดยภาพรวมแล้วตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังถืออยู่ในระดับที่ดี

ส่วนทางญี่ปุ่นจะมีการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ปี 2018 คาดว่าจะออกมาดีที่ระดับ 1.5 % YoY  แต่อีกตัวเลขที่สำคัญคือ ตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือน ก.พ. ที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ด้วยซึ่งคาดว่าจะติดลบ -4.5% YoY ตามที่ตลาดคาดการณ์เนื่องจากปัญหาสงครามการค้ารวมทั้งมีวันหยุดยาวในประเทศจีน แต่ต้องจับตาดูในเดือนต่อไปว่าตัวเลขการส่งออกของจีนจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ ขณะเดียวกันเรื่องการลงนามการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ตลาดกำลังติดตามความคืบหน้าการร่างข้อตกลงหรือ MOU ว่าจะมีเนื้อหาอย่างไรบ้าง

โดยภาพรวมปัจจัยจากต่างประเทศที่มีทั้งบวกและลบ อาจไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทยนัก แต่เป็นปัจจัยในประเทศในช่วงนี้ที่มีผลโดยตรงต่อทิศทางตลาด โดยเฉพาะประเด็นการยุบพรรคการเมืองในวันที่ 7 มี.ค. และตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 4 ซึ่งออกมาต่ำกว่าที่คาดมาก ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นจึงทำให้นักลงทุนบางกลุ่มชะลอการลงทุนไปเพื่อรอจนกว่าจะมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นและมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ดังนั้นการลงทุนในหุ้นช่วงระยะสั้นนี้ KTBST แนะนำให้เน้นลงทุนกลุ่มหุ้นที่มีผลประกอบการดีและไม่ผันผวนตามตลาดมาก (Defensive) เช่น กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าอย่าง BGRIM , GULF และโรงพยาบาล เช่น BCH , BDMS  ซึ่งเป็นกลุ่มที่ KTBST มองว่ามีผลประกอบดีและมีรายได้ที่แน่นอน ขณะเดียวกันนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด แนะนำนักลงทุนกระจายการลงทุนไปต่างประเทศบ้าง โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน กับ ญี่ปุ่น ซึ่ง KTBST เราให้น้ำหนักการลงทุนใน 2 ตลาดนี้ เพราะได้ผลบวกจากการเจรจาการค้าที่มีความชัดเจน นอกจากนี้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง “ทองคำ” ก็เป็นจังหวะเข้าสะสมได้เพื่อราคาปรับตัวย่อลงมา

ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php

โดยชาตรี  โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

www.mitihoon.com